คุณสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีเจ้าของรถยนต์และรถจักรยานยนต์นำรถไปดัดแปลงแก้ไขหลอดไฟหน้ารถ (ไฟซีนอน) และไฟเบรก (ไฟหยุด) ให้มีแสงสว่างจ้ามากเกินไป หรือบางรายไปปรับแต่งทิศทางการส่องสว่างของแสงไฟให้สูงขึ้นจากเดิม เพื่อให้ส่องสว่างได้ไกลขึ้น ซึ่งเป็นการรบกวนสายตาของผู้ขับขี่รายอื่น ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงขึ้น และมีความผิดตามกฎหมายต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
“หลอดไฟซีนอนแม้จะมีข้อดีในเรื่องของ ประสิทธิภาพการส่องสว่าง แต่การที่จะนำมาใช้อย่างปลอดภัยนั้น หลอดไฟจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือมาตรฐานของสหประชาชาติ และเมื่อติดตั้งหลอดไฟดังกล่าวแล้ว แสงสว่างที่ออกจากโคมไฟจะต้องแสดง แนวจำกัดแสงตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด โดย “ไฟหน้า” ของรถยนต์และรถจักรยานยนต์จะต้องมีแสงสีขาวหรือเหลืองอ่อน จำนวน 2 ดวง ติดตั้งอยู่ในระดับเดียวกันที่หน้ารถด้านซ้ายและขวาแห่งละ 1 ดวง แต่ละดวงต้องอยู่ห่างจากด้านริมสุดของรถทั้งซ้ายและขวาไม่เกิน 40 ซม. ติดตั้งสูงจากผิวทางไม่น้อยกว่า 40 ซม. แต่ไม่เกิน 1.35 เมตร สำหรับไฟหยุด (ไฟเบรก) ต้องเป็นสีแดง ไฟเลี้ยวต้องเป็นสีเหลืองอำพัน ไฟส่องป้ายต้องเป็นสีขาว มองเห็นป้ายทะเบียนได้ไกลไม่น้อยกว่า 20 เมตร
ทั้งนี้ การดัดแปลงไฟหน้าให้เป็นแสงสีอื่น หรือดัดแปลงอุปกรณ์ส่วนควบหรือเพิ่มเติมส่วนหนึ่งส่วนใดเข้าไปจนทำให้แสงมี ความสว่างจ้ามากจนเกินไป เมื่อนำไปใช้งานบนท้องถนนจะส่องเข้าตาผู้ขับขี่รายอื่น ทำให้สายตาพร่ามัวจนอาจเกิดอุบัติเหตุได้ เช่น สีฟ้า สีม่วง สีเหลืองเข้ม หรือสีเขียว เป็นต้น เนื่องจากการดัดแปลงหลอดไฟจะทำให้แสงที่ส่องออกมาผิดเพี้ยน หรือสว่างจ้าเกินไปจนรบกวนสายตาผู้อื่น ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาทด้วย
ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกได้สั่งการให้สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัดเข้มงวดในการ ตรวจสภาพรถให้ได้มาตรฐานตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด พร้อมทั้งขอความร่วมมือสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) หรือศูนย์บริการรถยนต์ หากพบรถที่ติดตั้งโคมไฟหน้ารถที่ไม่ได้มาตรฐานขอให้แจ้งเจ้าของรถแก้ไขให้ ถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนร่วมกัน” อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าว
|